โบราณสถานเมืองเว้ (Hue)

 "เว้ "(Hue) เริ่มเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากขึ้น จึงทำให้ Vietnamese Fan  อยากจะมาเขียนให้ความรู้เมืองนี้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รู้จักและเรียนรู้ในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองนี้มากขึ้นไปติดตามกันเลยค่ะ

เว้ (Huế ) เป็นเมืองหลักของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ ประเทศเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345–2488 มีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่มีอยู่ทั่วเมือง จำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 340,000 คน เมืองเว้ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2–3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร 

โบราณสถานเมืองเว้ (Hue)        

  ที่ตั้ง

 เมืองเว้ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร

ความสำคัญ

หมู่โบราณสถานเมืองเว้ เป็นอดีตนครหลวง แห่งราชวงศ์เหงียน จักรพรรดิยาลอง องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน สถาปนาขึ้น เดิมเป็นเมืองเล็ก ๆ ในความปกครองของ  ขุนนางเหงียนฮวาง ในแผ่นดินราชวงศ์เล ต่อมาเกิดสงครามแบ่งแยกดินแดน ทางตอนเหนือตกไปอยู่ในปกครองของ ขุนนางตริงห์ ส่วนตอนใต้อยู่ในอำนาจขุนนางเหงียน เมื่อเกิดกบฏ เหงียนฮวาง หรือที่ไทยรู้จักในนาม องเชียงสือ ผู้ปกครองเวียดนามใต้ขณะนั้น ลี้ภัยมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  ก่อนกลับไปปราบกบฎลงราบคาบใน พ.ศ.2345 แล้วรวบรวมดินแดนเหนือและใต้เข้าไว้ด้วยกัน เรียกชื่อเสียใหม่ว่า เวียดนาม พร้อมสถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิยาลองแห่งราชวงศ์เหงียน ครองเมืองเว้เป็นราชธานี

ต่อมา ฝรั่งเศสบุกเข้าโจมตีเมืองเว้ ตามด้วยการยึดครองของญี่ปุ่นช่วงมหาสงครามเอเชียบูรพา พ.ศ.2488 และปีเดียวกันนั้นเอง พระเจ้าเบ๋าได๋ สละราชสมบัติ เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์เหงียน  เว้ ลดฐานะจากราชธานีกลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2 ส่วน ก่อนเสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของรัฐบาลโงดิงห์เดียม

ตัวเมืองเว้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับอาณาเขตระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ โบราณสถานหลายแห่งถูกทำลาย ต่อมาเริ่มมีการบูรณะโบราณสถาน จึงเผยให้เห็นร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของนครจักรพรรดิ ทั้งพระราชวัง สุสานจักรพรรดิ ป้อมปราการ และนานาสิ่งก่อสร้างแบบฉบับเฉพาะอันทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม รวมถึงสายน้ำหอมที่หล่อเลี้ยงเมืองมาเนิ่นนาน ทำให้ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม หมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2536

 โบราณสถานเมืองเว้ (Complex of Hue Monuments) เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม เว้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำคือที่ตั้งของพระราชวัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของย่านประวัติศาสตร์ โบราณสถานและวัดสำคัญส่วนใหญ่ในเมืองเว้จะตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำจะเป็นเมืองใหม่ ซึ่งมีย่านธุรกิจและที่พักอาศัยมากมาย" เมืองเว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนของเวียดนามช่วงปี พ.ศ. 2345 – 2488 ก่อนที่จะมีการแยกประเทศ
   ความสำคัญของเมืองเว้ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางศาสนาและวัฒนธรรม และศาสนา โบราณสถานส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายระหว่างการสู้รบในสงครามเวียดนาม

โบราณสถานเมืองเว้ (Hue)
ประวัติความเป็นมา

             พระราชวังเว้ ตั้งอยู่ที่เมืองเว้ จังหวัด Thua Thien Hue พระราชวังเว้ได้รับอิทธิพลมาจากจีน เพราะเคยถูกจีนปกครองมาก่อนนานนับพันปี ความน่าสนใจของพระราชวังแห่งนี้คือเคยถูกฝรั่งเศสเผาในปี พ.ศ. 2488 ทำให้กลายเป็นวังร้าง และต่อมาในปีพ.ศ.2511 ก็ถูกสหรัฐทิ้งระเบิด เนื่องจากเป็นที่ซ่องสุมของคอมมิวนิสต์ จนกระทั่งองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้เข้ามาบูรณะและขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ. 2536 พระราชวังเว้มีพื้นที่กว่า 5.2 ตารางกิโลเมตร และมีกำแพงสร้างล้อมรอบถึง 3 ชั้น ที่นี่จึงถูกเรียกชื่อในภาษาอังกฤษว่า Imperial Citadel “Imperial” หมายถึงจักรพรรดิ ส่วน “Citadel” คือป้อมปราการ

           ป้อมปราการชั้นที่ 1 คือ ป้อมปราการเมืองหลวงเว้ (Kinh Thah Hue) กำแพงด้านนอกสุดสร้างด้วยหิน อิฐ และดิน สูง 8 เมตร หนา 20 เมตร ยาว 10 กิโลเมตร มีทางเข้า 10 ทาง และมีป้อมระวังภัย 24 ป้อม ล้อมรอบด้วยคูน้ำอีกหนึ่งชั้น ตรงกำแพงด้านใต้ที่หันหน้าเห็นแม่น้ำคือหอธงขนาดใหญ่ สูงเด่น มองเห็นได้จากทุกมุมของเมือง

           ป้อมปราการชั้นที่ 2 คือ ป้อมปราการหลวง (Hoang Thanh) สูง 6 เมตร สำหรับป้องกันพื้นที่ขนาดเล็กกว่า ล้อมรอบพระราชฐาน วัง วัด และอุทยาน สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการชมจะอยู่ในเขตกำแพงชั้นในนี้ สิ่งก่อสร้างที่สร้างในบริเวณกำแพงชั้นนี้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าซาลอง โดยสร้างเลียนแบบพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่ง ประตูทางเข้าทั้งสี่ทิศตกแต่งอย่างงดงาม ด้านบนประตูมีหอคอยห้าปักษาวายุภักษ์ (เหลิ่วงู้ฟุ่ง) หลังคาตกแต่งด้วยกระเบื้องสีสันสดใส ตรงกลางใช้สีเหลือง ด้านข้างใช้สีเขียว เคยถูกใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิเมื่อเสด็จมาประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในอดีตที่ประตูทางทิศใต้ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายขายตั๋ว ถูกใช้เป็นทางเข้าออกสำหรับกษัตริย์เท่านั้น ปัจจุบันประตูเมืองทั้งสี่ประตูเปิดให้ประชาชนสามารถสัญจร

           ป้อมปราการชั้นที่ 3 คือ ป้อมปราการต้องห้าม (Tu Cam Thanh) ภายในกำแพงเป็นที่ประทับของกษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์ ในราชวงศ์เหงียนและครอบครัว

 การเดินทางไปเมืองเว้

  จากท่าอากาศยานนานาชาติดานัง ไปยัง โบราณสถานเมืองเว้ (Hue) มีระยะทาง 94.7 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยใช้ถนนสาย Duong Nguyen Tat Thanh ไปทาง Nguyen Luong Bang/QL1A มุ่งไป Hoa Hiep Nam จากนั้นตาม QL1A ไปทาง Nguyen Tat Thanh มุ่งไป tt. Phu Bai, Thi xa Huong Thuy แล้วเดินทางต่อไปบน Nguyen Tat Thanh ขับไปทาง Cua Ngan/DT8B มุ่งไป Thanh pho Hue

  

โบราณสถานเมืองเว้ (Hue) อ่านย้อนหลังได้ที่

เว้ เมืองมรดกโลกเวียดนาม (Hue)

 https://vietnamesefan.blogspot.com/2020/08/hue.html 


อ้างอิง

 https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=296

http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/1.html

# โบราณสถานเมืองเว้ (Hue)

#เมืองมรดกโลกเวียดนาม

Comments